-
3 years ago
ฆราวาสธรรม 4
ฆราวาสธรรม ประกอบด้วย 2 คำ “ฆราวาส” แปลว่า ผู้ดำเนินชีวิตในทางโลก, ผู้ครองเรือน และ “ธรรม” แปลว่า ความถูกต้อง, ความดีงาม, นิสัยที่ดีงาม, คุณสมบัติ, ข้อปฏิบัติ
ฆราวาสธรรม แปลว่า คุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตทางโลก ประกอบด้วยธรรมะ 4 ประการ คือ
สัจจะ แปลว่า จริง ตรง แท้ มีความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐาน เป็นคนจริงต่อความเป็นมนุษย์ของตน
ทมะ แปลว่า ฝึกตน ข่มจิต และรักษาใจ บังคับตัวเองเพื่อลดและละกิเลส และรักษาสัจจะ
ขันติ แปลว่า อดทน ไม่ใช่แพียงแต่อดทนกับคำพูดหรือการกระทำของผู้อื่นที่เราไม่พอใจ แต่หมายถึงการอดทนอดกลั้นต่อการบีบบังคับของกิเสส
จาคะ แปลว่า เสียสละ บริจาคสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ในตน โดยเฉพาะกิเลสเพราะนั้นคือสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่กับตน ละนิสัยไม่ดีต่างๆ
ความสำคัญของหลักธรรม 4 ประการ ที่มีต่อการสร้างตัวนี้ พระพุทธองค์ถึงกับท้าให้ไปถามผู้รู้ท่านอื่นๆ ว่า มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สร้างเกียรติยศ และความเคารพจากผู้อื่น ให้คนเราได้เท่ากับการมี “สัจจะ” หรือไม่ มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สร้างปัญญาให้คนเราได้เท่ากับการมี “ทมะ” หรือไม่ มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สร้างทรัพย์สมบัติให้คนเราได้เท่ากับการมี “ขันติ” หรือไม่ มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สร้างหมู่มิตรให้คนเราได้เท่ากับการมี “จาคะ” หรือไม่การที่พระพุทธองค์ทรงท้าให้ไปถามผู้รู้อื่นๆ อย่างนี้ก็หมายความว่า ไม่มีธรรมะใดๆ ที่จะใช้สร้างตัวให้ประสบความสำเร็จได้ยิ่งกว่าการสร้างสัจจะ ทมะ ขันติ จาคะให้เกิดขึ้นในตนอีกแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ คนที่จะยืนหยัดผ่านอุปสรรคต่างๆ ในโลกนี้ไปจนกระทั่งพบความสำเร็จได้นั้น เขาต้องสร้าง “ฆราวาสธรรม” ให้เป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานประจำตนก่อนนั่นเอง เพราะฉะนั้น ความหมายที่แท้จริงของ ฆราวาสธรรม คือ คุณสมบัติของผู้ที่สามารถสร้างเกียรติยศ สร้างปัญญา สร้างทรัพย์สมบัติ และสร้างหมู่ญาติมิตรให้เกิดขึ้นได้สำเร็จด้วยกำลังความเพียรของตน
อานิสงส์ของการสร้างตัวให้มีฆราวาสธรรม
อานิสงส์ของการมีสัจจะ – ปลูกนิสัยความรับผิดชอบให้เกิดขึ้นในตัว – เป็นคนหนักแน่นมั่นคง – มีความเจริญก้าวหน้าในการประกอบหน้าที่การงาน – ได้รับการเคารพยกย่อง – มีคนเชื่อถือ และยำเกรง – ครอบครัวมีความมั่นคง – ได้รับเกียรติยศชื่อเสียงอานิสงส์ของการมีทมะ – ปลูกฝังนิสัยรักการฝึกฝนตนให้เกิดขึ้นในตัว – ทำให้เป็นคนมีความสามารถในการทำงาน – ไม่มีเวรกับใคร – ยับยั้งตนเองไม่ให้หลงไปทำผิดได้ – สามารถตั้งตัวได้ – มีปัญญาเป็นเลิศ
อานิสงส์ของการมีขันติ – ปลูกฝังนิสัยการอดทนต่ออุปสรรคและปัญหาต่างๆ – ทำงานได้ผลดี – สามารถเป็นหลักในครอบครัวได้ – สามารถเป็นหลักให้กับบริวารได้ – ไม่มีเรื่องวิวาทกับคนอื่น – ไม่หลงผิดไปทำความชั่วได้ – ทำให้ได้ทรัพย์มา
อานิสงส์ของการมีจาคะ – ปลูกฝังการมีอารมณ์ผ่องใสและนิสัยเสียสละให้เกิดขึ้นในตัว – เป็นการสร้างความปลอดภัยแก่ตนเอง – เป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป – ครอบครัวและสังคมเป็นสุข – มีกัลยาณมิตรรอบตัว สรุปแล้วคุณของการมีฆราวาสธรรมโดยรวม ก็คือ เมื่อมีสัจจะย่อมมีเกียรติยศชื่อเสียง เมื่อมีทมะย่อมได้รับปัญญา เมื่อมีขันติย่อมเกิดทรัพย์ในบ้าน และเมื่อมีจาคะย่อมเกิดมิตรที่ดีไว้เป็นสมัครพรรคพวกในสังคม
โทษของการไม่สร้างตัวให้มีฆราวาสธรรม
โทษของการขาดสัจจะ- ปลูกนิสัยขาดความรับผิดชอบให้เกิดขึ้นในตัว – เป็นคนเหลาะแหละ – พบแต่ความตกต่ำ – มีแต่คนดูถูก – ไม่มีคนเชื่อถือ – ไม่สามารถรองรับความเจริญต่างๆ ได้ – ไร้เกียรติยศชื่อเสียงโทษของการขาดทมะ – ขาดนิสัยรักการฝึกฝนตนเอง – ทำให้ขาดความสามารถในการทำงาน – สามารถหลงผิดไปทำความชั่วได้ง่าย – จะเกิดการทะเลาะวิวาทได้ง่าย – จะจมอยู่กับอบายมุข – ครอบครัวเดือดร้อน – ไม่สามารถตั้งตัวได้ – เป็นคนโง่เขลา
โทษของการขาดขันติ – ไม่สามารถอดทนต่อปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้ – เป็นคนจับจด ทำงานคั่งค้าง – ไม่สามารถเป็นหลักให้ครอบครัวได้ – หลงผิดไปทำความชั่วได้ง่าย – ไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น – เต็มไปด้วยศัตรู – ขาดความเจริญก้าวหน้า – ทำให้เสื่อมจากทรัพย์
โทษของการขาดจาคะ – ปลูกฝังความตระหนี่ให้เกิดขึ้นในใจ – ได้รับคำครหาติเตียน – เป็นทุกข์ใจ – ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ สรุปแล้วโทษของการขาดฆราวาสธรรมโดยรวมก็คือ เมื่อขาดสัจจะย่อมเกิดปัญหา ถูกหวาดระแวง เมื่อขาดทมะย่อมเกิดปัญหาความโง่เขลา เมื่อขาดขันติย่อมเกิดปัญหาความยากจน และเมื่อขาดจาคะย่อมเกิดปัญหาความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้นในสังคม